วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อุกกาบาต (meteorite Class)

อุกกาบาต

        วัตถุจำพวกดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กกว่า 1 กิโลเมตร เรียกว่า "สะเก็ดดาว" (Meteoroids) เมื่อสะเก็ดดาวตกลงสู่โลกและเสียดสีกับบรรยากาศจนเกิดความร้อนและลุกติดไฟ มองเห็นเป็นทางยาวในเวลากลางคืนเรียกว่า "ดาวตก" หรือ "ผีพุ่งใต้" (Meteor หรือ Shooting star) ดาวตกที่มองเห็นส่วนมากมีขนาดประมาณเม็ดทราย แต่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 40 - 70 กิโลเมตร/วินาที จึงเสียดสีกับอากาศจนร้อนมากจนเผาไหม้หมดก่อนที่จะตกถึงพื้นผิวโลก อย่างไรก็ตามถ้าสะเก็ดดาวขนาดใหญ่ตกลงมาก็จะเผาไหม้ไม่หมด เหลือชิ้นส่วนตกค้างบนพื้นผิวโลกซึ่งเรียกว่า "อุกกาบาต" (Meteorite) และหลุมที่เกิดจากการพุ่งชนเรียกว่า "หลุมอุกกาบาต" (Meteor crator)



ภาพที่ 1 อุกกาบาตประเภทต่างๆ

        การแบ่งประเภทของอุกกาบาตเป็นเช่นเดียวกับการแบ่งประเภทดาวเคราะห์น้อย เพราะอุกกาบาตก็คือชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยนั่นเอง ซึ่งแบ่งตามองค์ประกอบทางเคมีได้ดังนี้ 
    • C-type (Carbonaceous chondrite) อุกกาบาต คาร์บอนมีสีคล้ำเนื่องจากมีองค์ประกอบเป็นคาร์บอนจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อุกกาบาตประเภทนี้เป็นพาหะนำเชื้อชีวิตมาสู่โลก 
    • S-type (Stone) อุกกาบาตหิน มีองค์ประกอบเป็นซิลิกา
    • M-type (Metal) อุกกาบาตโลหะ มีองค์ประกอบเป็นเหล็กและนิเกิล 


 ภาพที่ 2 อุกกาบาตจากดาวอังคารที่พบบนพื้นผิวโลก 

        นอกจากอุกกาบาตจะเกิดขึ้นจากสะเก็ดดาวเคราะห์น้อยแล้ว ยังมีอุกกาบาตบนพื้นโลกที่มาจากดวงจันทร์และดาวอังคาร  ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อมีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่พุ่งชนดวงจันทร์ของดาว อังคาร แรงระเบิดจะทำให้สะเก็ดดาวกระเด็นขึ้นสู่อวกาศจนหลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงและ ล่องลอยไปในอวกาศ  เมื่อโลกโคจรผ่านเข้ามา แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดให้สะเก็ดดาวนั้นตกลงมา และถ้าอุกกาบาตนั้นตกลงบนพื้นผิวสีขาวเช่นแผ่นน้ำแข็ง นักวิทยาศาสตร์ก็จะตามไปเก็บได้ง่ายดังภาพที่ 2 เป็นอุกกาบาตจากดาวอังคารที่เก็บได้ที่ขั้วโลกใต้ 

 

 ภาพที่ 3 ฟอสซิลจุลินทรีย์ในอุกกาบาตจากดาวอังคาร


        ในปี พ.ศ.2539 ได้มีการค้นพบอุกกาบาต ALH84001 ซึ่งเป็นสะเก็ดดาวอังคารตกลงบนแผ่นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติก เมื่อนำมาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแล้วพบวัตถุรูปร่างเหมือนสิ่งมี ชีวิตดังภาพที่ 3  นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าเป็นฟอสซิลจุลินทรีย์บนดาวอังคาร แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าเป็นจุลินทรีย์บนโลกของเราซึ่งมาอาศัยอยู่ใน ภายหลังจากที่อุกกาบาตอยู่บนพื้นโลกแล้ว อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด 





คำอธิบายภาพข้างบน

1. อุกกาบาตที่พบบนดาวอังคารโดยรถหุ่นยนต์ออปโปตูนิตีโรเวอร์
2. ฝนดาวตก
3. อุกกาบาตจากดาวอังคาร 
4. หลุมอุกกาบาตบาร์ริงเจอร์ที่มลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
5. อุกกาบาตหินที่พบในทวีปแอนตาร์คติก
6. อุกาบาตเหล็กที่พบในหลุมบาร์ริงเจอร์ 
7. อุกกาบาตจากดวงจันทร์พบในทวีปแอนตาร์กติก
เกร็ดความรู้
  • 4,600 ล้านปีมาแล้ว ฝุ่นและแก๊สรวมตัวกันกำเนิดเป็นดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ
  • 65 ล้านปีมาแล้ว อุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชนโลกที่ ชิคซูลูบ (Chicxulub) คาบสมุทรยูคาทาน ประเทศเม็กซิโก ไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกร้อยละ 75 ของโลกสูญพันธุ์ 
  • 50,000 ปีมาแล้ว เกิดหลุมอุกกาบาตบาร์ริงเจอร์ ในทวีปอเมริกาเหนือ
  • ปี พ.ศ.2441 อุกกาบาตระเบิดกลางอากาศ ทำให้ต้นไม้ในป่าทังกูสก้าในไซบีเรีย ล้มตายเป็นอาณาบริเวณกว้าง  
  • ปี พ.ศ.2539 มีการค้นพบอุกกาบาต ALH84001 ซึ่งเป็นสะเก็ดดาวอังคารตกลงบนแผ่นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติก ภายในมีฟอสซิลจุลินทรีย์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตบน ดาวอังคาร 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น